วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การสนับสนุนด้านนโยบาย

1) ด้านที่ดิน การใช้ที่ดินของรัฐในเมืองรองรับการแก้ปัญหาที่อยู่ในการดูแลของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาก เช่น ที่ดินราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ดินการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ดินที่อยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร และ ฯลฯ โดยมีนโยบายให้หน่วยงานให้การสนับสนุนในการให้ชุมชนเช่าที่ดินที่ชุมชนอาศัยอยู่เดิม หรือที่ดินใหม่สำหรับการพัฒนาชุมชนที่เป็นการให้เช่าระยะยาว เพื่อให้เกิดความมั่นคงในการอยู่อาศัย และเพื่อเป็นทรัพย์สินที่แปลงเป็นทุนในการสร้างความมั่นคงในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนต่อไป

2) การปรับปรุงกฎ ระเบียบของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเทศบัญญัติการควบคุมการก่อสร้างอาคาร และการใช้งบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ผ่านมา การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนจนในชุมชนแออัดนั้น ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการของกฎระเบียบทางส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เช่น การให้ความมั่นคงระยะยาวด้านที่ดิน กฎระเบียบของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น การจัดตั้งสหกรณ์ เทศบัญญัติการก่อสร้าง การต่อเชื่อมระบบสาธารณูปโภค ทะเบียนบ้านถาวร การจัดสรรที่ดิน ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินโครงการนี้สามารถดำเนินการได้จำเป็นที่รัฐจะต้องมีนโยบายสนับสนุน ในการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานเจ้าของที่ดินหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ผ่อนปรนในเรื่องของกฎระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อเอื้อให้ชุมชนและท้องถิ่นสามารถพัฒนาและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดให้หมดไป ให้เป็นชุมชนน่าอยู่ที่มีความยั่งยืน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ให้ชุมชนสามารถพัฒนารูปแบบการอยู่อาศัยได้ตามศักยภาพของชุมชนตามขนาดที่ดิน ความสามารถในการจ่ายของคนจน

3) ด้านสินเชื่อ สนับสนุนให้สถาบันการเงินของรัฐให้การสนับสนุนสินเชื่อแก่องค์กรชุมชน โดยมีการปรับกฎเกณฑ์การให้สินเชื่อแก่ชุมชนผู้มีรายได้น้อยในโครงการเป็นรายชุมชน มีการค้ำประกันสินทรัพย์ร่วมกัน นอกเหนือจากการให้สินเชื่อรายบุคคลในปัจจุบันเพียงระบบเดียว เนื่องจากในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของชาวชุมชน ชุมชนเป็นผู้รับภาระสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยรัฐให้การอุดหนุนส่วนต่างดอกเบี้ย เท่านั้น ซึ่งจำเป็นจะต้องมีแหล่งเงินที่จะให้สินเชื่อแก่ชุมชน ซึ่งคาดว่าวงเงินสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยรวม 285,000 หน่วยนั้น จะต้องใช้วงเงินลงทุนรวม 34,200 ล้านบาท